วรรณคดีและวรรณกรรมม.5

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1
มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี
ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. เรื่อง มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี แต่งด้วยคำประพันธ์ชนิดใด
       ก.   กลอนเทศน์                    
       ข.   กลอนเปล่า
       ค.   ร่ายสุภาพ                      
       ง.   ร่ายยาว
2.  เรื่อง มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี มีสาระสำคัญอย่างไร
       ก.   ความทุกข์ยากของพระนางมัทรี 
       ข.   ความรักระหว่างสามีกับภรรยา
       ค.   ความรักระหว่างแม่กับลูก   
       ง.   การบริจาคทาน
3.  เรื่อง มหาเวสสันดรชาดก ที่นำมาเป็นประเพณีท้องถิ่นทั่วไปจะปรากฏในลักษณะใด
       ก.   บทสวดในโอกาสที่ชาวบ้านมาร่วมงานบุญ
       ข.   มหรสพการแสดงเรื่อง พระเวสสันดร
       ค.   บทร้องสรรเสริญพระเวสสันดร
       ง.   เทศน์มหาชาติ
4.  ลักษณะสังคมที่ปรากฏในเรื่อง มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี เป็นสังคมแบบใด
       ก.   ครอบครัวนักบวช
       ข.   สถาบันกษัตริย์
       ค.   ครอบครัวไทย
       ง.   สังคมชนบท
5ข้อความในบทอาขยานเรื่อง มหาเวสสันดรชาดก นำไปอ้างอิงในการเขียนเรื่องใดได้
       ก    การรักษาสิ่งแวดล้อม
       ข.   ความงามของภาษา
       ค.   ความรักของแม่
   ง.  ธรรมชาติสัตว์
6. มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี มีความดีเด่นในด้านใด
       ก.   การใช้ถ้อยคำให้เกิดความรู้สึกสะเทือนอารมณ์
       ข.   การใช้ภาษาภาพพจน์
       ค.   รูปแบบคำประพันธ์
       ง.     เนื้อหา
7. ข้อความใดใช้พรรณนาในโอกาสที่แตกต่างจากข้อความอื่น
      ก.  เสียงเนื้อนกนี่ร่ำร้องสำราญรังเรียกคู่คูขยับขัน
            ทั้งจักจั่นพรรณลองไนเรไรร้องอยู่หริ่งๆ
            ระเรื่อยโรยโหยสำเนียงดั่งเสียงสังคีตขับประโคมไพร
       ข.   รัศมีพระจันทรก็มัวหมองเหมือนหนึ่งจะโศกเศร้า
            แสนวิปโยคเมื่อยามปัจจุสมัย ทั้งรัศมีพระสุริโยทัย
            ส่องอยู่รางๆ ขึ้นเรืองฟ้า
       ค.   แสงพระจันทร์ดั้นส่องต้องน้ำค้างที่ขังให้ไหลลง
            หยดย้อย เหมือนหนึ่งน้ำพลอยพร้อยๆ อยู่พรายๆ
       .   จะเอาแต่เสียงจักจั่นและเรไรอันร่ำร้องนั่นหรือมาต่าง     แตรสังข์และพิณพาทย์
8. ข้อความใดแสดงถึงความอดทนของพระนางมัทรี
       ก.   ดะดุ่มเดินเมิลมุ่งละเมาะไม้มองหมอบ แต่ย่างเหยียบ     เกรียบกรอบก็เหลียวหลัง พระโสตฟังให้หวาดแว่วว่าสำเนียงเสียงพระลูกแก้วเจ้าบ่นอยู่งึมๆ
       ข.   ถึงที่ไหนจะรกเรี้ยวก็ซอกซอนอุตส่าห์เที่ยวไม่ถอยหลัง
            จนเนื้อหนังข่วนขาดเป็นริ้วรอย โลหิตไหลย้อย
            ทุกหย่อมหนาม
       ค.   โอ้แม่อุ้มท้องประคองเคียงเลี้ยงเจ้ามาก็หมายมั่น
            สำคัญว่าจะได้อยู่เป็นเพื่อนยากจะฝากผีพึ่งลูกทั้ง 2 คน
       ง.   ได้แต่มัทรีผู้แสนดื้อผู้เดียวดอก
            ไม่รู้จักปลิ้นปลอกพลิกไพล่เอาตัวหนี
9. เรื่อง มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ให้ข้อคิดใดที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในสังคมปัจจุบัน
       ก.   ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวของคนในครอบครัว      
       ข.   การปฏิบัติตนเพื่อความหลุดพ้น
       ค.   การปฏิบัติต่อนักบวช
       ง.   ความรักเพื่อนมนุษย์
10.  เจ้าเป็นแต่เพียงเมียหรือมาหมิ่นได้ ถ้าแม้นพี่อยู่ในกรุงไกรเหมือนแต่ก่อนเก่า หากว่าเจ้าทำเช่นนี้ กายของมัทรี  ก็ขาดสะบั้นลงทันตา ด้วยพระกรเบื้องขวาของอาตมานี้แล้วแล ข้อความนี้สะท้อนภาพใดในสังคมไทย
       ก.   สะท้อนให้เห็นค่านิยมเกี่ยวกับสตรีเมื่อแต่งงานแล้วถือว่าเป็นทรัพย์สินของสามี       
       ข.   สะท้อนให้เห็นขนบธรรมเนียมประเพณีไทย
       ค.   สะท้อนให้เห็นความเชื่อของสังคมไทย       
       ง.    สะท้อนให้เห็นธรรมชาติของมนุษย์

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2
บทละครพูดคำฉันท์ เรื่อง มัทนะพาธา
ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1.     งามผิวประไพผ่อง           กลทาบสุภาสุพรรณ
       งามแก้มแฉล้มฉัน             พระอรุณแอร่มละลาน
       งามเกศะดำขำ                 กลน้ำณท้องละหาน
       เนตร์พินิศปาน                 สุมณีมะโนหะรา
       คำประพันธ์ที่ยกมานี้เป็นบทร้อยกรองชนิดใด
       ก.   อินทรวงศ์ฉันท์ 12             ข.   วิชชุมมาลาฉันท์ 8
       ค.   วสันตดิลกฉันท์ 14             ง.   อุปชาติฉันท์ 11
2.  พฤติกรรมใดที่สุเทษณ์เทพบุตรไม่แสดงต่อนางมัทนา
       ก.   การใช้อำนาจบาตรใหญ่ในความรัก
       ข.   การเอาเปรียบผู้เป็นที่รัก
       ค.   การเสียสละเพื่อความรัก
       .   ทนทุกข์เพราะรัก
3.  ความรักของนางมัทนามีลักษณะอย่างไร
       ก.   รักคือความกล้าหาญและเสียสละ      
       ข.   รักคือความอดทน
       ค.   รักคือการเสียสละ
       ง.   รักคือการให้
4.  ข้อความจากบทอาขยานในบทละครพูดคำฉันท์เรื่อง
       มัทนะพาธา ดีเด่นอย่างไร
       ก.   การใช้คำที่ให้ภาพและเสียงอย่างชัดเจน
       ข.   การใช้คำในการบรรยายความคิด
       ค.   การใช้คำที่ให้อารมณ์ความรู้สึก
       ง.   การใช้คำในการเปรียบเทียบ
5.  ข้อคิดใดจากบทละครพูดคำฉันท์เรื่อง มัทนะพาธา
       ที่นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
       ก.   การใช้ชีวิตของสตรีด้วยความระมัดระวัง
       ข.   ให้รู้จักปรนนิบัติเจ้านาย
       ค.   ความไม่มักใหญ่ใฝ่สูง
       ง.   ให้รู้จักการให้อภัย
6. บทละครพูดคำฉันท์เรื่อง มัทนะพาธา แต่งด้วย
       คำประพันธ์ชนิดใด
       ก.   ฉันท์และกลอนสุภาพ          ข.   ฉันท์และกาพย์
       ค.   ฉันท์และโคลง                  ง.   ฉันท์และร่าย
7.  เรื่อง มัทนะพาธา มีความดีเด่นอย่างไร
       ก.   เลือกใช้ถ้อยคำได้ไพเราะและสื่ออารมณ์ความรู้สึก
            ทั้งมีคติสอนใจ
       ข.   ใช้ถ้อยคำที่สื่ออารมณ์ ความรู้สึกของตัวละคร
       ค.   ใช้คำไพเราะ มีคติสอนใจในเรื่องความรัก
       ง.   แนวเรื่องแปลกชวนให้ติดตาม
8.  บทอาขยานในบทละครพูดคำฉันท์เรื่อง มัทนะพาธา
       นำไปใช้อ้างอิงในประเด็นใดได้เหมาะสมที่สุด
       ก.   ความงามของธรรมชาติ      
      ข.    ความงามของสตรี
       ค.   ความผิดหวัง                   
       ง.   ความรัก
9. มีหน้าที่บำรุงบำเรอให้เจ้านายมีความสุข มีความพอใจ จึงทำทุกอย่างเพื่อเอาใจนาย ข้อความนี้กล่าวถึงใคร
       ก.   ท้าวสุราษฎร์                    ข.   นางจัณฑี
       ค.   มายาวิน                         ง.   จิตระรถ
10.  บทละครพูดคำฉันท์เรื่อง มัทนะพาธา มีกลวิธีการแต่งอย่างไร
       ก.   ให้สุเทษณ์เทพบุตรบรรยายถึงความรักและความ เจ็บปวดอันเกิดจากความรักไม่สมหวัง       
         ข.   ให้วิทยาธรชื่อมายาวินเป็นผู้เล่าเรื่องอดีตชาติของ
            สุเทษณ์เทพบุตร
       ค.   ให้คนธรรพ์ชื่อจิตระรถเป็นผู้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น     บนสวรรค์   
       ง.   ให้นางมัทนาเป็นผู้เล่าความเป็นมาของดอกกุหลาบ

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3
ลิลิตตะเลงพ่าย
ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1.    บัดดลดำรัสให้                      ปูนยศ
       ทรัพย์สิ่งศรีสำรด                   ทั่วทั้ง
       บุตรทารท่านแทนทด              ความชอบ  เขานา
       สมที่ภักดีตั้ง                         ต่อเหง้าเผ่าเฉลิม
       บทประพันธ์นี้แสดงให้เห็นถึงคุณธรรมข้อใดของสมเด็จ   พระนเรศวรมหาราช
       ก.   ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์
       ข.   ทศพิธราชธรรม
       ค.   จักรวรรดิวัตร
       ง.   สังคหวัตถุ
2. โคลงในข้อ 1 เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร
       ก.   การตอบแทนผู้เสียชีวิตในการทำสงคราม
       ข.   การริบทรัพย์ผู้ทำความผิด
       ค.   ความดีความชอบ
       ง.   ความจงรักภักดี
3. บทประพันธ์ที่มีลักษณะนิราศปรากฏอยู่ในตอนใดของเรื่อง
       ก.   ตอน 11 สมเด็จพระนเรศวรทรงสร้างสถูป
            และปูนบำเหน็จทหาร
       ข.   ตอน 3 พระมหาอุปราชยกทัพเข้าเมืองกาญจนบุรี
       ค.   ตอน 6 พระนเรศวรทรงตรวจเตรียมทัพ
       ง.   ตอน 2 เหตุการณ์ทางเมืองมอญ
4. ลิลิตสุภาพประกอบด้วยคำประพันธ์ชนิดใด
       ก.   ร่ายสุภาพและโคลงสี่สุภาพ
       ข.   ร่ายสุภาพและโคลงสุภาพ
       ค.   ร่ายยาวและโคลงสุภาพ
         ง.   ร่ายสุภาพและโคลง
5.    เหตุนี้ผิวเช้าชั่ว                      ฉุกเข็ญ
       เกิดเมื่อยามเย็นดี                   ดอกไท้
       อย่าขุ่นอย่าลำเค็ญ                 ใจเจ็บ   พระเอย
       พระจักลุลาภได้                     เผด็จเสี้ยนศึกสยาม
       บทประพันธ์นี้แสดงให้เห็นความเชื่อในเรื่องใด
       ก.   กฎแห่งกรรม                   
       ข.   ฤกษ์ยาม
       ค.   บาปเวร                         
       ง.   โชคลาง

6. วรรณคดีเฉลิมพระเกียรติมีจุดประสงค์อย่างไรในการแต่ง
       ก.   เป็นการยกย่องสรรเสริญพระเกียรติคุณพระประมุขแห่งชาติ
       ข.   เป็นราชสดุดีในพระบารมีแห่งองค์เหนือหัว
       ค.   เป็นราชบรรณาการถวายพระมหากษัตริย์
       ง.   เป็นการสดุดีวีรกรรมของวีรบุรุษของชาติ
7. “ฝ่ายชีพ่อทวิชาชาติ ราชปุริโสดม พรหมพิทยาจารย์  เบิกโขลนทวารโดยกระทรวง ปวงละว้าเซ่นไก่     ไขว่สรวงพลีผีสาง” ทวิชาชาติ หมายถึงใคร
       ก.   โหรหลวง                       
       ข.   พราหมณ์
       ค.   พระสงฆ์                        
       ง.   ปุโรหิต
8. บุคคลในข้อ 7 ทำพิธีใด
       ก.   บวงสรวงก่อนยกทัพ          
       ข.   สะเดาะเคราะห์
       ค.   ต่อชะตา                        
       ง.    สืบชะตา
9.    โทไท้ทรงสดับถ้อย                 ทูลถวาย
       ถูกหฤทัยท่านผาย                   โอษฐ์พร้อง
       สูตริก็ตรงหมาย                     เหมือนตริ   ตูนา
       ตริบ่ต่างกันต้อง                    ต่อน้ำใจตู
       บทประพันธ์นี้แสดงให้เห็นคุณธรรมใดของพระนเรศวรมหาราช
       ก.   ทรงรับฟังความเห็นของผู้อื่น
       ข.   มีพระปรีชาญาณ
       ค.   มีขัตติยะมานะ
       ง.   กล้าหาญ
10.       พระพี่พระผู้ผ่าน               ภพอุต   ดมเอย
       ไป่ชอบเชษฐ์ยืนหยุด              ร่มไม้
       เชิญราชร่วมคชยุทธ์               เผยอเกียรติ   ไว้แฮ
       สืบกว่าสองเราไสร้                 สุดสิ้นฤๅมี
       บทประพันธ์นี้เป็นการใช้คำพูดลักษณะใด
       ก.   มีความเคารพนับถือ
       ข.   ท้าทายแต่ให้เกียรติ
       ค.   ใช้คำสุภาพอ่อนโยน
         ง.   ยกย่องให้เกียรติ

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์
ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. เนื้อหาคัมภีร์แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ตอนที่เรียนเน้นหนักในเรื่องใด
       ก.   ตำรายาไทยที่ใช้ในสมัยโบราณ
       ข.   การชันสูตรโรคที่เกิดกับเด็ก
       ค.   สรรพคุณของสมุนไพร
       ง.   คุณสมบัติของแพทย์
2. ความรู้ตามคัมภีร์แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์สัมพันธ์กับข้อใดในปัจจุบัน
       ก.   แพทย์ประจำตำบล            ข.   แพทย์ทางเลือก
       ค.   แพทย์ชนบท                    ง.   แพทย์อาสา
3. เรื่อง คัมภีร์ฉันทศาสตร์ แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์มีจุดประสงค์
      ในการแต่งอย่างไร
       ก.   แต่งขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางรักษาโรคสำหรับแพทย์
            ในโรงพยาบาล
       ข.   รวบรวมคัมภีร์แพทย์ที่มีผู้แต่งไว้แล้วให้สมบูรณ์ที่สุด
       ค.   แต่งขึ้นเพื่อใช้เป็นคัมภีร์แพทย์ที่ถูกต้องที่สุด
       ง.   รวบรวมคัมภีร์เก่ามาใช้ในการรักษาโรคระบาด
4. ข้อความใดที่แสดงว่าตำราแพทย์ของไทยมีความสัมพันธ์กับพระพุทธศาสนา
       ก.   ไม่รู้คัมภีร์เวช                   ห่อนเห็นเหตุซึ่งโรคทำ
       ข.   โมโหอย่าหลงเล่ห์              ด้วยกาเมมิจฉาใน
       ค.   หมอนวดแลหมอยา            ผู้เรียนรู้คัมภีร์ไสย์
       ง.   ไหว้ครูกุมารภัจ                 ผู้เจนจัดในคัมภีร์
5. แพทย์แผนปัจจุบันนำความรู้เรื่องใดไปใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองได้
       ก.   การใช้หลักธรรมในการดำเนินชีวิต
       ข.   คำแนะนำในการดูแลรักษาผู้ป่วย
       ค.   คำแนะนำในการปฏิบัติหน้าที่    
       ง.   ความรู้เรื่องการตรวจโรค
6. โรคใดไม่จัดอยู่ในลักษณะของทับ 8 ประการ
       ก.   จุกเสียด                         ข.   สำรอก
       ค.   กำเดา                            ง.   ทราง
7.  ถ้าต้องการศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับพืชสมุนไพรในคัมภีร์แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์แหล่งเรียนรู้ใดเหมาะสมที่สุด
       ก.   สวนพฤกษศาสตร์ทั่วไป
       ข.   โรงพยาบาลอภัยภูเบศร
       ค.   กระทรวงสาธารณสุข
       ง.   มหาวิทยาลัยเกษตร
8.  “เรียนรู้คัมภีร์ไสย สุขุมไว้อย่าแพร่งพราย ควรกล่าวจึ่งขยาย อย่ายื่นแก้วแก่วานร” ข้อความนี้มีคุณค่า       ทางวรรณศิลป์อย่างไร
       ก.   ใช้สำนวนไทยประกอบการอธิบาย
       ข.   ใช้คำง่ายที่มีความหมายลึกซึ้ง
       ค.   ใช้คำที่เหมาะกับเนื้อเรื่อง
       ง.   ใช้โวหารเปรียบเทียบ
9.  คำกลุ่มใดที่เกี่ยวข้องกับความคิดที่ไม่ดีในการรักษาผู้ป่วย
       ก.   พิริย  วิจิกิจฉา  ทิฏฐิมาโน
       ข.   วิตักโก  วิจิกิจฉา  ทิฏฐิมาโน
       ค.   พิริย  วิจิกิจฉา  วิหิงษา      
       ง.   พิริย  อุทธัจ  วิหิงษา
10.  “ข้าขอประนมหัดถ์ พระไตรรัตนนาถา ตรีโลกอมรมา อภิวาทนาการ อนึ่งข้าอัญชลี พระฤๅษีผู้ทรงญาณ      แปดองค์เธอมีฌาน โดยรอบรู้ในโรคา” ข้อความนี้แต่งด้วยคำประพันธ์ประเภทใด
       ก.   กลอน                          
       ข.   โคลง
       ค.    กาพย์                             
       ง.   ฉันท์

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5
โคลนติดล้อ ตอน ความนิยมเป็นเสมียน
ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. เรื่อง โคลนติดล้อ ตอน ความนิยมเป็นเสมียน
       ตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือฉบับใด
       ก.   หนังสือพิมพ์สยามออบเซอร์เวอร์
       ข.   หนังสือบางกอกรีคอร์เดอร์
       ค.   หนังสือดรุโณวาท
       ง.   หนังสือพิมพ์ไทย
2. ชื่อบทความ โคลนติดล้อ เป็นการใช้โวหารภาพพจน์ประเภทใด
       ก.   ปฏิพากย์                   ข.  อุปลักษณ์
       ค.   อธิพจน์                     ง.   อุปมา
3. เรื่อง โคลนติดล้อ ตอน ความนิยมเป็นเสมียน
       เป็นงานเขียนประเภทใด
       ก.   บทความแสดงความคิดเห็น
       ข.   ความเรียงร้อยแก้ว
       ค.   เรียงความทั่วไป
       ง.   บทความโต้ตอบ
4. ค่านิยมความเป็นเสมียนในสมัยรัชกาลที่ 6 นั้นเกิดขึ้น
       กับบุคคลใด
       ก.   ผู้มีความสามารถในการเขียน
       ข.   ผู้ได้รับการศึกษา
       ค.   คนไทยทั่วไป
       ง.   ชาวนา
5. “ในเงินเดือน 15 บาทนี้ พ่อเสมียนยังอุตส่าห์จำหน่าย
       จ่ายทรัพย์ได้ต่างๆ เช่น นุ่งผ้าม่วงสี  ใส่เสื้อขาว
       สวมหมวกสักหลาด และในเวลาที่กลับจากออฟฟิศ
       แล้วต้องสวมกางเกงแพรจีนด้วย และจะต้องไปดูหนังอีกอาทิตย์ละ 2 ครั้ง เป็นอย่างน้อย” การใช้จ่ายลักษณะนี้ตรงกับสำนวนไทยว่าอย่างไร
       ก.   เห็นช้างขี้ขี้ตามช้าง      
       ข.    เกี่ยวแฝกมุงป่า
       ค.   กระเชอก้นรั่ว       
       ง.  คางคกขึ้นวอ
6. เรื่อง โคลนติดล้อ ตอน ความนิยมเป็นเสมียน
       สะท้อนภาพสังคมในข้อใด
       ก.   การประกอบอาชีพ       
       ข.    สภาพเศรษฐกิจ
       ค.   การดำรงชีวิต              
       ง.   การศึกษา
7. ค่านิยมความเป็นเสมียนสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ใด
       ก.   การพัฒนาประเทศตามแบบยุโรป
       ข.   การพัฒนาระบบราชการไทย
       ค.   การปฏิรูปการปกครอง
       ง.   การปฏิรูปการศึกษา
8. “ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครรัก ไม่มีใครอาลัย” ข้อความนี้เป็นการใช้คำลักษณะใด
       ก.   การใช้คำง่าย              
       ข.    การเน้นคำ
       ค.   การเล่นคำ                 
       ง.    การซ้ำคำ
9. เรื่อง โคลนติดล้อ ตอน ความนิยมเป็นเสมียนให้ข้อคิดใดแก่ผู้อ่าน
       ก.   ให้รู้จักการวางตัวให้เหมาะสมไม่ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมตามผู้อื่น
       ข.    ให้ใช้ความรู้ความสามารถสร้างประโยชน์ให้แก่สังคม
       ค.   อาชีพที่เหมาะสำหรับคนไทย คือ อาชีพเกษตรกรรม
       ง.   ไม่ให้ลืมความเป็นมาของตนเอง ให้รู้จักปรับตัว
10. ในตอนจบของเรื่อง โคลนติดล้อ ตอน ความนิยม
       เป็นเสมียน ใช้วิธีจบอย่างไร
       ก.   จบด้วยข้อเท็จจริงที่ให้ผู้อ่านไปสรุป
       ข.   จบด้วยคำถามที่ให้ผู้อ่านไปคิดต่อ
       ค.   จบด้วยประเด็นที่ให้ผู้อ่านโต้แย้ง
       ง.   จบด้วยข้อคิดที่ให้ผู้อ่านคิดตาม

3 ความคิดเห็น: